Title : ไปเล่นกับน้องหมาอะคิตะ และเที่ยวบ้านน้องกันค่ะ (จังหวัดอะคิตะ)
ทำความรู้จักกับน้องหมาอะคิตะ และบ้านเกิดของน้องกันดีกว่าค่ะ
หากพูดถึงสุนัขสายพันธ์ไทย เชื่อว่าทุกคนคงนึกถึงพันธ์บางแก้ว และพันธ์ไทยหลังอานใช่ไหมคะ
น้องหมาบางแก้ว
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน
ที่ญี่ปุ่นก็มีสุนัขสายพันธุ์เช่นกันค่ะ แต่จะแบ่งออกเป็นชนิดด้วยกัน คือ

สายพันธุ์ KAI-KEN
สายพันธุ์ SHIBA-INU
สายพันธุ์ HOKKAIDO-INU
สายพันธุ์ KISYU-INU
สายพันธุ์ SHIKOKUKEN
สายพันธุ์ AKITA-INU ซึ่ว่าเป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็ว่าได้ค่ะ
หากใครเคยไปแถวๆสถานีรถชิบุย่า ก็จะเห็นรูปปั้นสุนัขที่เป็นสัญลักษณ์ของสถานีชิบุย่า
ซึ่งหลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของสุนัขตัวนี้มาบ้างแล้ว นั่นก็คือเจ้าฮาจิ นั้นก็คือเจ้าสุนัขสายพันธุ์อะคิตะ ที่ในอดีตครั้งหนึ่ง
เคยมานั่งรอเจ้านายหน้าสถานีชิบุย่าทุกวัน โดยที่มันไม่รู้ว่าเจ้านายของมันนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว และไม่ได้กลับมายังสถานีนี้อีก
รูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นหลังจากมันตายไปได้ 10 ปีและได้ถูกกล่าวถึงอย่างมากจนถูกนำไปทำเป็นภาพยนต์และนิยายหลายต่อหลายครั้ง
วันสุดท้ายนของฮะจิที่รอเจ้านายกลับมาที่สถานีรถไฟ และในที่สุด
เรื่องของเจ้าฮะจิที่ถูกสร้างเป็นภาพยนต์
ในปี 2018 ภาพยนต์เก่าของญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับฮาจิ ได้ถูกนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง และฉายไปทั่วโลก
ซึ่งในครั้งนั้น สุนัขอาคิตะ ได้ถูกกล่าวถึงและเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวโลก ว่ากันประเทศอิตาลี่นิยมเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อย่างมาก
รองแค่ประเทศบ้านเกิดที่ญี่ปุ่นเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ท่านประธานาธิบดีแห่งประเทศรัสเซียก็ยังได้รับน้องหมาอะคิตะเป็นของขวัญอีกด้วย
และยังมีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกฤดูหนาวที่รัสเซียที่ได้น้องอะซะรุเป็นของขวัญอีกคน
จะเห็นได้ว่าน้องหมาอะคิตะนั้น เป็นที่รักใคร่จากประเทศต่างๆทั่วโลกขึ้นมาทีละนิด
แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า ด้วยความใหญ่ของขนาดตัวของสุนัขสายพันธุ์นี้ ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงในพื้นที่อยู่อาศัยที่มีขนาดจำกัดได้
โดยเฉพาะคนที่อาศัยในคอนโด หรือจะบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางตามชนบมก็มีแต่ผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ จึงเป็นการยากที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเลี้ยงน้องหมาอะคิตะลดน้อยลงเรื่อยๆค่ะ
และด้วยความพยายามของชาวเมืองอะคิตะที่ที่พยายามจะสนับสนุนการรักษาสายพันธุ์แท้ไว้ จึงเกิดเป็นกิจกรรมต่างๆมากมายค่ะ
ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวเดินทางไปจังหวัดอะคิตะ ก็สามารถแวะเข้ามาเล่นหรือสัมผัสกับน้องได้อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ
หน้าเวบไซต์เวอร์ชั่นภาษาไทย
http://akitadog.yamato-ip.net/th/lp/akita-dog/
ลักษณะเด่นของสุนัขสายพันธุ์อะคิตะ
ว่ากันว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีแหล่งกำเนิดบริเวณเมืองโอดะเตะ(ในจังหวัดอะคิตะ)และพื้นที่รอบเมือง
เดิมที่นั้นถูกเลี้ยงไว้ช่วยงานและใช้ในการล่าสัตว์ หากเป็นสายพันธฺุ์แท้จะมีขนาดตัวที่ใหญ่สุดในบรรดาสายพันธุ์สุนัขต่างๆของญี่ปุ่น
คือมีความสูงตั้งแต่ 60-70 เซ็นติเมตรเลยค่ะ และจะเชื่อฟังและเชื่องมากๆสำหรับเจ้าของ
หากเป็นสายพันธุู์แท้ธรรมดา ก็จะมีขนเป็นสีน้ำตาลอ่อน และบริเวณท้องและใบหน้าเป็นสีขาว
หรือสายพันธฺ์ย่อยที่มีขาวทั้งตัว หรือมีสำดำทั้งตัว หรือมีสีขาวผสมดำก็มีค่ะ(ลายขนเสือ)
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า สายพันธุ์ที่มีสีดำทั้งตัวนั้น ตอนนี้ได้สุญพันธุ์ไปแล้วค่ะ
หมาอะคิตะ สายพันธุ์อเมริกา

ในสมัยสงคราม ทหารอเมริกาได้นำสุนัขอะคิตะมาผสมพันธฺุ์กับสุนัขสายพันธุ์ Shepherd และ Mastiff จนกลายถือกำเนิดสุนัขสายพันธุ์อะคิตะที่มีขนาดใหญ่ และถูกใช้เป็นสุนัขการ์ด(ป้องกันเจ้าของ)
ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ สายพันธฺุ์ใหม่ที่ได้นั้นแม้จะมีหน้าตาค่อนไปทาง Shepherd แต่ยังคงความโดดเด่นของสายพันธุ์อะคิตะไว้นั้นคือหูที่ตั้งตรงและขนที่ม้วนนั่นเอง แต่นิสัยอาจจะดุดันกว่าสายพันธุ์
อะคิตะดั้งเดิมมากพอสมควรค่ะ
ท่องเที่ยวต่อในดินแดนอะคิตะ
พูดถึงน้องหมาอะคิตะกันไปแล้ว ที่นี่มพูดถึงสถานที่ที่น้องๆอยู่กันบ้างดีกว่า ว่าจะไปเจอและเล่นกับน้องๆได้อย่างไร
อันดับแรกเลย หากใครสนใจข้อมูลกับสุนัขสายพันธุ์นี้อย่างละเอียด สามารถคลิ๊กเขาชมได้ที่เวบไซต์ที่แปะไว้ด้านล่างนี้ได้เลย
เวบไซต์เวอร์ชั่นภาษาไทย
http://akitadog.yamato-ip.net/th/lp/akita-dog/
เมืองโอตดะเตะ ในจังหวัดอะคิตะนั้น ถือได้ว่าเป็นบ้านเกิดแท้ๆ ของสุนันสายพันธุ์นี้เลยค่ะ
เมืองนี้ไม่ได้มีแค่น้อมหมาเท่านั้น หากแต่มีความสวยงามของย่านเมืองเก่า หรือรถไฟสาย
Akita nairiku jukan line ที่เปิดสำหรับการท่องเที่ยวค่ะ
หากได้มีโอกาศเดินทางมาถึงภูมิภาคโทโฮคุแล้วละก็ อย่าลืมแวะมาเมืองนี้นะคะ อ้อ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆเลยนะคะ หรือจะเป็นฤดูหนาว
ก็มีภาพบรรยากาศทิวทัศน์ของหิมะที่ขาวโพลนทั่วบริเวณ หรือเป็นฤดูกาลดอกซากุระ ที่นี่ก็บานเร็วกว่าที่โตเกียวประมาณ 1 เดือนค่ะ
สีสันแห่งฤดูหนาวที่อะคิตะ
สำหรับภูมิโทโฮคุแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกพื้นที่ที่หิมะตกหนักมากๆค่ะ เมื่อเข้าสู่ช่วงที่หิมะโปรยปราย
บริเวณพื้นที่ทั่วบริเวณจะเป็นสีขาวไปหมด สุดลูกหูลูกตาค่ะ จะว่าไปแล้วภาพทิวทัศน์ของหิมะที่นี่กับฮอกไกโดก็เหมือนกันนะคะ
โดยเฉพาะที่อะคิตะ อาหารการกิน ผู้คน การใช้ชีวิตก็แตกต่างจากที่อืนพอสมควร
อย่างอาหารอะคิตะที่ขึ้นชื่อมากๆอีกหนึ่งอย่างก็คือ ข้าว ใช่ค่ะ ข้าวนี่แหละ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นดีของญี่ปุ่นก็ว่าได้
และเมนูที่จะแนะนำก็คือข้าวปั้นเป็นก้อนเสียไม้อังกับไฟ กับไก่อะคิตะ และหม้อไฟ เป็นอะไรที่อร่อยมากๆค่ะ
เมนูจะมีชื่อว่า KIRITANPO-NABE ซึ่งเป็นเมนูประจำฤดูหนาวของที่นี่ค่ะ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวช่วงหน้าที่อะคิตะ ก็ต้องนี่เลยบ้าน(โดม)เล็กๆ ที่สร้างจากหิมะลักษณะเหมือนการตั้งแคมป์
ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปรับประทานอาหาร ชิลๆ หรือ เอาความโรแมนติกได้ ซึ่งบ้านหิมะนี้จะเรียกว่า KAMAKURA
และยังมี KAMAKURA อีกหนึ่งแบบนั้นก็คือ ลักษณะที่เป็นแบบเล็กๆ และนำเทียนไปจุดไว้ภายในยามค่ำคืน พร้อมกันหลายดวงๆ
เป็นอะไรสวยมากๆไปอีกแบบนะคะ
อ้อที่อะคิตะ ยังมีเทศกาล NAMAHAGE ด้วยนะคะ ที่ดูไปดูมาก็เหมือนกับการละเล่นผีตาโขนของจังหวัดเลยบ้านเราเลยค่ะ
นั้นก็คือการทำหน้ากากรูปผี แล้วร้องรำทำเพลงเดินไปในหมู่บ้านนั่นเอง และก็เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในฤดูหนาวอีกเช่นกันค่ะ
สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดอะคิตะ ตามด้านล่างนี้เลยนะคะ
https://www.akitafan.com/th/first