Title : ใช้ JR ARTCH PASS ในการนั่ง Hokuriku Shinkansen เที่ยวภูมิภาคโทโฮะคุ และโตเกียวค่ะ
Rate this article :
  

การใช้ JR ARTCH PASS ในการนั่ง Hokuriku Shinkansen เที่ยวภูมิภาคโทโฮะคุ และโตเกียวค่ะ 


 

 
สำหรับเจอาร์พาสนั้น เป็นตั๋วการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ที่ขายให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้นค่ะ  และรวมไปถึง Osaka・Tokyo Hokuriku Arch Pass ด้วยค่ะ 
ซึ่งตั๋วนี้ สารมารถใชเได้ตั้งแต่สนามบินคันไซ และสนามบนนาริตะ รวมไปถึงฮาเนดะด้วยค่ะ ซึ่งตั๋วดังกล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งหมดระยะเวลา 7 วัน สามารถเดินทางได้ตั้งแต่ที่สถานีรถไฟคะนะซะว่า โทะยะมะค่ะ ซึ่งเป็นตั๋วเจอาร์
พาสที่คุ้มค่ามากๆก็ว่าได้ค่ะ 
 



พูดถึงการตั๋ว Hokuriku Arch Pass กันแล้ว ที่นี้เรามาพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวและทำความรู้จักกับภูมิภาคโทโฮะคุกันดีกว่า
สำหรับภูมิภาคโทโฮะคนุนั้น มีพื้นที่อยู่บริเวณกลางๆของประเทศญี่ปุ่น และมีพื้นที่ส่วนชายฝั่งติดกับทะเลญี่ปุ่นค่ะ โดยทะเลญี่ปุ่นที่ว่านั้นเป็นเหมือนเส้นแบ่งเขตแดนทางธรรมชาติระกว่างประเทศจีนและประเทญี่ปุ่น 
และในเวลาเดียวกัน จังหวัดที่อยู่ติดทะเลญี่ปุ่น ก็เป็นค้าขายกับประเทศจีนตั้งแต่สมัยโบราณมา และมีวัฒธรรมต่างๆจากจีนๆ หลงเหลือจนถึงปัจจุบันค่ะ 
ส่วนโตเกียวและนาโกย่านั้น จะอยู่ที่บริเวณอีกฝั่งของญี่ปุ่น และมีพื้นที่คิดกับมหาสมุทรแปซิฟิก

 

 

การเดินทางวันแรก จากสนามบินนาริตะ ไปที่จังหวัดฟุคุอิ 





 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงสนามบินคันไซแล้ว หากจะเดินทางต่อไปยังจังหวัดฟุคุอิ สามารถเริ่มต้นการใช้เจอาร์พาสได้จากสนามบินเลยค่ะ 
โดยออกเดินทางโดยเจาร์ Tokkyu Haruka จากนั้นก็เปลี่ยนรถที่โอซาก้าหรือเกียวโตมานั่ง Tokkyu Thunderbird ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ 

 

ในกรณีที่มาถึงที่สานมบินตั้งแต่ตอนเช้าๆ สามารถนั่งรถไฟเที่ยว Haruka หมายเลข 4 ที่ออกจากสนามบินประมาณ 7 โมง 27 มาลงสุดสายที่สถานีเกียวโต ในเวลาประมาณ 9.02 น. ได้ค่ะ 
จากนั้นให้เปลี่ยนสายรถที่เกียวโตมานั่งสาย Tokkyu Thunderbird หมายเลข 9 ที่ออกเวลา 9 โมง 9 นาที มาลงที่สถานีฟุคุอิซึ่งถึงในเวลา 10 โมง 30 นาที 
 
สำหรับทริปการเดินทางที่เราจะนำเสนอในบทความนี้ คือการเดินทางจากสนามบินคันไซ ในกรณีที่เราเดินทางมาถึงในช่วงเช้าค่ะ จากนั้นเมื่อเดินทางถึงเมืองฟุคุอิแล้ว เราสามารถเดินทางด้วย JR ประมาณ 15 นาที มาที่ "อะวะระ

ออนเซ็น" และพักค้างแรมคืนแรกที่นี่กันค่ะ 






สำหรับตั๋วเจอาร์นั้น สามารถใช้ขึ้นรถไฟจากสถานี ฟุคุอิ มาที่ อะวะระออนเซ็นได้ค่ะ ซึ่งรถไฟนั้นจะออกทุกๆ 20 นาที
หากเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะในช่วงบ่าย เราแนะนำให้พักในโรงแรมที่อยู่ในเมืองฟุคุอิก่อนดีกว่าค่ะ  เพราะว่าหากเป็นตอนบ่าย การไปออนเซ็นต่อนั้นค่อนข้างจะเร่งรีบและอาจจะไม่คุ้มค่าเท่าไหร่นัก พักในเมือง 1 วันจากนั้น

เดินทางไปออนเซ้นแต่เช้าน่าจะคุ้มและสบายกว่าค่ะ 
สำหรับหน้าเพจจังหวัดฟุคุอิหน้าเพจภาษาไทย 
https://www.fuku-e.com/lang/thai/


วันที่ 2 ในฟุคุอิ เดินทางท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเมืองเก่าอย่างคะนะซะว่า 

 



สำหรับหน้าผา TOJINBO นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากๆของประเทศญี่ปุ่น หน้าผา TOJINBO นี้อยู่ในจังหวัดฟุคุอิเป็นหน้าผาริมทะเลที่อยู่ฝั่งทะเลญี่ปุ่นค่ะ 
ซึ่งทะเลบริเวณนี้เป็นทะเลที่อยู่ในเขตอากาศเย็น และมีน้ำที่ใสมากๆค่ะ ซึ่งการชมวิวหน้าแห่งนี้มี 2 รูปแบบ คือล่องเรือชมความสวยงามของตัวหน้าผาจากท้องทะเล และ มองวิวทะเลจากบนหน้าผานั่นเอง



การเดินทางไป  TOJINBO ก็สะดวกมากๆค่ะ เพราะว่ามีสายรถไฟที่เป็นขบวนท้องถิ่นวิ่งให้บริการ คือสายอะวะระออนเซ็น - ฟุคุอิ หรือ รถไฟสาย Echizen นั่นเองค่ะ 
แต่รถไฟสายนี้ไม่ได้อยู่ในเจอาร์พาส จึงต้องเสียค่าโดยสารต่างหากนะคะ จากอะวะระออนเซ็นประมาณ 270 เยน จากสถานีฟุคุอิ ประมาณ 720 เยนค่ะ 
จุดขายของรถไฟสายนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ภาพวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทางที่รายล้อมไปด้วยบรรยากาศท้องทุ่งนาอันสงบของญี่ปุ่น ซึ่งภาพแบบนี้หาดูได้ยากมากๆค่ะสำหรับญี่ปุน เพราะคนส่วนใหญ่จะอาศัยในเขตเมือง 

 



เมื่อพูดถึงจังหวัดฟุคุอิ ก็ต้องพูดถึงจังหวัดเพื่อนบ้านอย่างจังหวัด อิชิคะวะ ซึ่งจังหวัดนี้มีชื่อเสียงมากๆเรื่องเครื่องเคลือบค่ะ 
การเดินทางก็แสนสบายๆ คือตั้งต้นจากจังหวัดฟุคุอิ เดินทางด้วย เจอาณ์ประมาณ 10 นาที ก็ถึงเมือง Sabae ซึงที่นี่จะมีพิพิธภัณฑ์เครื่องเคลือบที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมค่ะ 
 






จังหวัดฟุคุอินี้มี มีการขุดค้นพบซากไดโนเสาร์อีกด้วยค่ะ 
หากใครอยากตามรอยเจ้าสัตว์โลกดึกดำบรรพ์นี้ ก็สามารถเดินทางมาที่เมือง คะสึยะมะ ได้ค่ะ เพราะว่ามีสถานที่จัดแสดงเรื่องราวและซากไดโนเสาร์ การเดินทางก็แสนสะดวก เพราะสามารถนั่งรถไฟ Echizen มาลงที่สถานีคะสึยะมะได้เลยค่ะ 
 

หลังจากที่เราตระเวณเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัด ฟุคุุอิ ครบถ้วนแล้ว ต่อไปเราจะมุ่งหน้าสู่จังหวัด อิชิคะวะ กันค่ะ และเมืองที่เราจะพักนั้น ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงเก่าแห่งภูมิภาคโฮะคุริคุ เมือง คะนะซะวะนั่นเอง
ตั้งต้นการเดินทางจากเมืองฟุคุอิ นั่งรถไฟสาย Tokkyu (รถด่วน) มาลงที่คะนะซะว่า ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ หากเป็นรถไฟรถไฟธรรมดา (ที่จอดทุกสถานี) จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ ซึ่งรถไฟจากฟุคุอิมาที่คะนะซะวะ 

สามารถใช้เจอาร์พาสได้ค่ะ 





ข้อมูลบัสพาส เวอร์ชั่นภาษาไทย 
http://www.kanazawa-tourism.com/thai/guide/guide3.php
 

ข้อมูลเมืองคะนะซะวะ เวอร์ชั่นภาษาไทย 
http://www.kanazawa-tourism.com/thai/main/index.php

ข้อมูลเมืองอิชิคะวะ เวอร์ชั่นภาษาไทย 
https://www.hot-ishikawa.jp/thai/



วันที่ 3 ท่องเเที่ยวเมืองหลวงเก่าคะนะซะวะ จากนั้นไปต่อหมู่บ้านมรดกโลกที่จังหวัดโทะยะมะค่ะ 

 
เมืองคะนะซะว่า ตั้งอยู่ในจังหวัดอิชิคะวะและเป็น เป็นเมืองเก่าที่ตั้งอยู่ตรงกลางของภูมิภาคโฮะคุริคุพอดี และเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าที่มีความสวยงามค่ะ 
เมื่อเดินทางถึงสถานีรถไฟอิชิคะวะ นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ถึงสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณที่ออกแบบมาอย่างลงตัวของสถานีรถไฟแห่งนี้ 
ภายในเมืองอิชิคะวะเอง ก็มีร้านค้าต่างๆมากมายที่มีอายุมากกว่า 100 ปีขึ้นไป เรียงรายเต็มไปหมด  นอกจากนี้ยังมีบ้านนักรบ และบ้านซามุไรที่ยังหลงเหลือมาจนถึงยุคปัจจุบันอีกด้วยค่ะ 





 
ที่ใจกลางเมืองคะนะซะวะนั้น มีปราสาทคะนะซะวะ และสวน Kenroku ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันอีกด้วย สวนนี้เป็นสวนที่มีความสวยงามเปลี่ยนในแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ผลิ ร้อน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวค่ะ 
เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นมากๆค่ะ 







 

หัตกรรมอย่างเครื่องใช้ลงลักปิดทอง และขนมโบราณที่เมืองแห่งนี้ มีความละเมียดละไมและมีความสวยงามไม่ต่างจากที่เกียวโตเลยค่ะ 
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงยังคะนะซะวะแล้ว นอกจากจะซื้องานศิลปะเหล่านี้เป็นของฝากได้แล้ว ยังสามารถสัมผัสได้ถึงงานศิลปะโบราณแบบญี่ปุ่นได้อีกด้วยค่ะ 



 
ภายในตัวเมืองคะนะซะวะนั้น มีตั๋วรถบัสแบบเหมาจ่ายแบบ 1 วัน ราคา 500 เยน ที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งได้อย่างไม่อั้นค่ะ ซึ่งตั๋วที่สามรูปแบบสามเส้นทาง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ค่ะ 
ซึ่งการซื้อตั๋วรถบัสแบบเหมาจ่านี้สามารถใช้เป็นส่วนลด ในการเข้าชมบ้านโบราณของนักรบหรือบ้านซามูไรได้ค่ะ 
หากใครสนใจอยากลองทำเองบ้าง ข้อมูลตามลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ 
http://www.kanazawa-tourism.com/thai/main/index.php
 





เที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก GOKAYAMA 
 จากจังหวัด Ishikawa เราไปกันที่จังหวัด Toyama ที่อยู่ข้างๆกันค่ะนอกจากนี้ยังมี Gifu อีกด้วยที่อยู่ระหว่างภูเขาซึ่งจังหวัดเหล่านี้เป็นจังหวัดที่มีหิมะในแต่ละปีตกเยอะมาก ด้วยความเป็นเขตพื้นที่ที่มีหิมะตกหนัก จึงทำให้สถานที่บริเวณนี้มีการสร้างบ้านเรือนที่ออกแบบเป็นรูปแบบพิเศษ เพื่อให้มีความทนต่อการทับถมของหิมะบนหลังคา รูปแบบบ้านเรียกว่า Gasshou-tzukuri ซึ่งมีรูปแบบหลังคาที่ค่อนข้างชัน ซึ่งหลังคาในลักษณะนี้จะทำให้หิมะไม่ตกทับถมบนหลังคาจนเกินไป และด้วยบ้านหมู่บ้านดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วยค่ะ  
การเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ก็สะดวกมากๆค่ะ 
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถบัสโดยตรงจากสถานี  Kanazawa ซึ่งออกทุกๆ 1 ชั่วโมงค่ะ จากนั้นให้นั่งมาลงที่ ย่าน Suganuma ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนในหมู่บ้านได้ค่ะ  หรือย่านใกล้ๆกันอย่างย่าน  Ainokura (นั่งรถบัสมาประมาณ 15 นาที) มีโรงแรมสถานที่พักมากมายค่ะ นักท่องสามารถเลือกพักได้ตามที่ต้องการค่ะ แต่ว่าการพักในบ้านโบราณที่สร้างมากว่าร้อยปี ก็นับเป็นอีกประสบการณที่ประเมิณค่าไม่ได้นะคะ 

เที่ยววันที่ 4  จาก Gokayama มุ่งหน้าโตเกียวโดยผ่าน Takaoka




หลังจากที่หลังจากรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นเรามุ่งหน้ากันไปต่อที่บริเวณทะเลญี่ปุ่นโดยรถบัส โดยมีค่าโดยสารประมาณ 1200 เยน จากนั้นเราลงป้ายหยุดรถชื่อป้าย Suganuma จากนั้นช่วงเวลาเที่ยง 16 นาที จะมีรถบัสสายมรดกโลก ซึ่งเราสามารถที่จะขึ้นรถบัสสายนี้ไปลงที่สถานี ทะกะโอคะ เพื่อที่จะไปนั่งรถไฟ Shinkansen จากสถานี Shin-Takaoka นักท่องเที่ยวสามารถขึ้น  Hokuriku-Shinkansen หมายเลข 556 




และนักท่องเที่ยวยังสามารถชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ตลอดข้างทางได้จากหน้าต่างรถไฟค่ะ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟโตเกียวค่ะ (ช่วงเวลาประมาณ 4 โมง 52 นาที ) 
จากนั้นเราจะพักที่โตเกียว ที่บริเวณย่านอาซากุสะ ซึ่งที่นี่มีโรงแรมอยู่มากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักได้ตามใจชอบ

โรงแรมที่เราอยากจะนะแนะนำในวันนี้ก็คือโรงแรมโรบอท Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ค่อนข้างมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และเป็นที่นิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ค่ะ





วันที่ 5 เที่ยวย่านอาซากุสะและเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่ของเอโดะ

ที่ย่านอาซากุสะนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอยู่หลายแห่งค่ะไม่ว่าจะเป็นวัดอาซากุสะ หรือ Sky Tree และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่อยู่ใน  ueno ค่ะ นอกจากนี้ยังมีย่านเมืองเก่าที่สวยงามที่เป็นเสน่ห์ของเมืองโตเกียวด้วยค่ะ
ว่ากันว่าที่ย่านอาซากุสะแห่งนี้เป็นย่านแรกๆของกรุงโตเกียวที่มีการพัฒนาทางด้านการค้า จึงทำให้ที่นี้มี การพัฒนาต่างๆที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยเฉพาะร้านค้าต่างๆที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์อยู่จนถึงปัจจุบัน 
และอีกอย่างหนึ่งที่เราจากจะแนะนำก็คือผลิตภัณฑ์ของใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากแก้วซึ่งถือว่าเป็นของที่มีราคาสูงและเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าที่ทำสืบต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะนั่นก็คือ Edo-Kiriko ค่ะ

ซึ่ง Edo-Kiriko นี้  สามารถหาชมหรือซื้อได้เฉพาะที่ย่าน Ueno และย่าน Taito เท่านั้นค่ะ





จากย่าน Asakusa ราไปที่ย่านใกล้ๆกัน นั่นก็คือย่าน Kappabashi ย่านนี้มีร้านอุปกรณ์ครัวและเครื่อใช้บนโต๊ะอาหารอยู่เยอะมากๆค่ะ ซึ่งเป็นที่นิยมจากร้านภัตตาคารดังๆของญี่ปุ่นอย่างมากค่ะ 
นอกจากนี้ยังมีเครื่องครัวและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่มาจากต่างประเทศด้วยนะคะ หากนักท่องเที่ยวอยากจะซื้อกลับบ้านก็สามารถทำได้ค่ะ


หลังจากเที่ยวย่านเก่าอย่างย่านอะซะคุซะกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว 
เราสามารถวางแผนกลับบ้านได้อย่างสบายๆ ซึ่งนีกท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟจากสถานีอุเอโน่ นั่ง JR Tokkyu Narita Express ไปที่สนามบินนาริตะได้ 



หรือหากขึ้นเครื่องที่สนามบิน Haneda สามารถขึ้นโมโนเรล ที่สถานี Hamamatsuchōและก็สามารถใช้เจอาร์พาสได้ค่ะ 

สายการบินที่ออกจากสนามบินนาริตะในช่วงเย็นไปประเทศไทยนั้น มีหลายสายการบินค่ะ ไม่ว่าจะเป็น All Nippon Airways การบินไทย JAL Bangkok Airways