เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาวและการเดินทาง
ตั้งแต่เดือนธันวาเป็นต้นมาจนถึงเดือนกุมภาพันธุ์ปีถัดไปของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยาการฤดูหนาวของญี่ปุ่นแบบแท้จริงค่ะ
แต่ถึงเป็นฤดูหนาวก็จริง มันยังไม่จบแค่นั้น
มันจะมีช่วงพีคสุดของๆหน้าหนาว ที่อาจจะกล่าวได้ว่า หากมาญี่ปุ่นหน้าหนาว ต้องมาช่วงนี้แหละจะสวยที่สุด
OKUTADAMI จังหวัด Fukushima
ศาลเจ้า Kifune
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เป็นหมู่เกาะเรียงตัวกันตามแนวยาว โดยฝั่งใต้สุดนั้นจะเป็นเกาะโอกินาว่า ยาวเรื่อยไปจนเหนือสุดนั่นก็คือเกาะฮอกไกโด
ตอนกลางของประเทศนั้นจะเป็นที่ราบสูงและมีภูเขากว่า 1000 เมตรทอดเป็นแนวยาว และในแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะทางภูมิอากาศที่แตกต่างกันไปค่ะ
ฤดูหนาวบริเวณชายฝั่งทะเลส่วนที่ติดับมหาสุมทรแปซิฟิก
ประกอบไปด้วย โตเกียว คะนางะว่า ยามานะชิ ชิสุโอกะ เป็นต้น
(บริเวณฝั่งนี้จะมีจำนวนหิมะไม่มาก ท้องฟ้าแจ่มใสตลอดฤดูหนาว)
ส่วนอากาศเฉลี่ยในฤดูหนาวนั้นจะอยู่ที่ 3 องศา จนถึง 5 องศา ค่ะ
ย่าน Shinjuku ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ

ทะเลสาบ Kawakuchiko ที่มีภูเขาไฟเป็นฟูจิเป็นฉากหลังในจังหวัด Yamanashi
เริ่มที่โตเกียว สำหรับเมืองที่อยู่ทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกนั้น จะมีอากาศที่สดใสตลอดทั้งฤดูหนาวค่ะ อาจจะมีอากาศที่แห้งๆบ้าง ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวก็คือช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมค่ะ
ส่วนที่ว่าหิมะจะตกหรือไม่นั้น อาจจะบอกได้เลยว่าไม่สามารถคาดเดาได้ บางปีก็มาช้า บางปีก็มาเร็ว บางปีก็ไม่มาค่ะ
เพียงแต่ว่า ที่บริเวณพื้นที่แถบนี้ มีความชื้นค่อนข้างต่ำ เลยทำให้ท้องฟ้านั้นมีสีสันที่สดใสมากๆค่ะ ยิ่งหากใครได้มีโอกาศเดินทางยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง ทะเลสาบคะวะกุจิ หรอ ฮะโกเน่แล้วละก็ จะเห็นท้องฟ้าตัดกับสีน้ำเบื้องล่างที่มีความสวยสดงดงามๆมากๆเลยค่ะ และแน่นอนว่าอากาศดีขนาดนี้ เห็นภูเขาฟูจิได้แน่นอน หรือช่วงเวลานี้หากใครนั่งชินคันเซ็นไปทางเกียวโตหรือโอซาก้าจะได้เห็นภาพบรรยากาศสีขาวของหิมะที่ตกทับถมกัน บนภูเขาไฟฟูจิซึ่งสวยงามมากๆค่ะ
ฤดูหนาวทางชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (ฝั่งตะวันตก)
ได้แก่เมือง อะคิตะ ยามางะตะ นีงะตะ โทยะม่า อิชิคะว่า
จังหวัดต่างๆในบริเวณพื้นที่แถบนี้จะมีหิมะตกค่อนข้างมาก และด้วยความที่มีปริมาณหิมะตกหนาแน่นนี่แหะ
จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความสวยวามอย่างมากในช่วงฤดูหนาว
ส่วนอากาศโดยเฉลี่ยตลอดช่วงหน้าหนาวจะอยู่ที่ราวๆ 0 องศา ถึง 3 องศาค่ะ

บริเวนอ่าวโทยะม่าในฤดูหนาว

Yokote โดมหลังเล็กพอคนเข้าไปนั่งได้ 4-5 คนในจังหวัด Akita
Ginzan Onsen ในจังหวัด Yamagata
และหากจะเจาะลึกลงไป ดูว่าจังหวัดไหนมีหิมะตกหนักที่สุด ต้อง 2 จังหวัดนี้เลยค่ะ คือนีงะตะ และ โทะยะม่า ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับทะเลญี่ปุ่น อาจจะพูดได้ว่า
เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวทีไร สองจังหวัดนี้แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่หิมะไม่ตก ท้องฟ้าก็จะอึมครึมด้วยเมฆครึ้ม มวลอากาศชื้นที่พัดมาจากประเทศจีนมากระจุกตัวบริเวณเทือกเขาตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากติดแนวภูเขาและพัดไปต่อไม่ได้
จึงทำให้มวลกดอากาศสะสมในพื้นที่บริเวณนี้ และทำให้หิมะตกหนักกว่าส่วนที่ติดมหาสมุทรแฟซิฟิก หลังจากจากที่หิมะตกหนักแล้ว อากาศแห้งๆก็จะเริ่มก่อตัวขึ้น และถูกลมพัดข้ามภูเขาไปยังฝั่งตะวันออก
นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่ฝั่งตะวันออกมีอากาศที่สดใส ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งตลอดหน้าหนาว
หน้าที่ 4
หน้าหนาวที่คันไซ เกียวโต โอซาก้า

Kingakuji Kyoto
Amanohashidate
Nara park

ศาลเจ้า Kasuga-taisha ในจังหวัดนาระ
สำหรับที่จังหวัดเกียวโตและโอซาก้านั้น แทบจะมีสภาพภูมิอากาศเหมือนกันกับที่โตเกียวเลยค่ะ เพียงแต่หิมะจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่ในแต่พื้นที่ )
จริงๆแล้ว ที่โอซาก้าหรือที่โตเกียว ไม่ค่อยมีพื้นที่ที่หิมะตกหนักสักเท่าไหร่ค่ะ สภาพอากาศก็เหมือนที่บอกในตอนแรกว่า ไม่ค่อยมีความแตกต่างจากที่โตเกียวสักเท่าใดนัก ท้องฟ้าจะแจ่มใสเป็นส่วนใหญ่ในช่วงฤดูหนาว
สำหรับที่เกียวโตแล้ว ช่วงหิมะตกจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไปค่ะ หิมะตกที่เกียวโตจะมีความพิเศษตรงที่บางปีก็ไม่ตก แต่ถ้าตกก็จะสวยมากๆ เพราะหิมะจะช่วยขับให้โบราณสถานต่างๆที่เราๆคุ้นเคยนั้น
ดูสวยสดงดงามขึ้นมาอีกมากเลยค่ะ แต่มีหนึ่งพื้นที่ของเกียวโตที่หิมะตกหนักมากๆเลย นั้นก็คือบริเวณพื้นที่ทัมบะ ซึ่งจะว่าไปหิมะตกหนักแทบไม่ต่างจากเมืองที่ติดฝั่งทะเลญี่ปุ่นเลยค่ะ
ในช่วงวันที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธุ์ ชาวญี่ปุ่นจะเรียกช่วงนี้ SETSUBUN (เซสสึบุน) ซึ่งโดยทั่วไปจะมีเทศกาลจัดขึ้น โดยใช้ถั่วที่ผ่านการคั่วโปรยไปยังบริเวณต่างๆของสถานที่ บ้าน หรือ วัด เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีให้ออกไป
ซึ่งเทศกาลนี้ จะคึกคักเป็นพิเศษที่เกียวโต และ นาระ
ฤดูหนาวแถบโทโฮะคุ ฮอกไกโด และพื้นที่เทือกเขา ได้แก่เกาะฮอกไกโด มิยะงิ นากาโน่ และกิฟุ
สำหรับพื้นที่บริบริเวณ ถูกขนานนามว่าเป็นพื้นที่ที่มีความหนาวระดับสูงสุดของญี่ปุ่น และถ้าพูดถึงธรรมชาติที่งดงามในหน้าหนาว
คงต้องยกให้พื้นที่นี้เลยค่ะ สภาพอากาศโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ ติดลบ 4 องศา จนถึงติดลบ 1 ค่ะ

ศาลาว่าการเมืองซัปโปโร
Snow monster ในจังหวัด Miyagi
Snow monky ในหจังหวัด Nagano
สำหรับฮอกไกโดนั้น จะเริ่มมีหิมะตกตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนค่ะ สำหรับปี 2018 หิมะมาเร็วหน่อยคือมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมเลยค่ะ
สำหรับบริเวณภูมิภาคโทโฮะคุนั้นจะเริ่มตกตั้งเดือนธันวาคมเป็นต้นไป และพื้นที่บางส่วนที่อยู่บริเวณหุบเขาจะมีหิมะตกทับถมหนักมาก จนขาวโพลนสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ
หมู่บ่้าน Shiragawako ในจังหวัด Gifu
ด้วยความที่หิมะตกหนักและมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้เกิดการควบรวมตัวของน้ำแข็งและหิมะบนต้นไม้ จนกลายเป็นเหมือน้ำแข็งแท่งๆ รูปทรงประหลาดตาค่ะ
ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเห็นได้เฉพาะพื้นที่ที่มีความหนาวมากๆเท่านั้นค่ะ
รูทการท่องเที่ยว สำหรับทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น (มหาสมุทรแปซิฟิก) No1
ทริปเริ่มจากชินจูกุ ไปที่ ทะเลสาบคะวะคุจิโกะ และระหว่างก็สามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย

สถานีรถบัส Basuta Shinjuku

รถบัสที่จอดอยู่ในบรีเวณสถานี
รูทการเดินทางนี้เป็นรูทการเดินทางที่แนะนำในช่วงเดือนธันวาคม ถึงต้นปีถัดไปค่ะ และเป็นช่วงเวลาที่ภูเขาไฟฟูจิสวยที่สุดค่ะ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถบัสทางด่วน
ผ่านช่องเขาช่องจังหวัดยะมานะชิชมความงามของทิวทัศน์สองข้างทางได้อย่างสบาย เพราะช่วงเวลาดังกล่าวมีความชื้นน้อย อากาศสดใส ไม่มีฝนหรือหิมะ
ทำให้มองเห็นความสวยงามของธรรมชาติทีอยู่สองข้างทางได้อย่างทาง

รูปภูเขาไฟฟูจิที่มองเห็นจากในรถ
เกี่ยวกับรถบัสทางด่วน
เพื่อนๆสามารถเข้าเช็คข้อมูลได้ที่ MadooJapan เกี่ยวกับสถานีรถบัส Basuta ได้นะคะ
ลิงค์ของบทความ Basuta (ภาษาไทย)

Arakurayama Sengen
จากนั้นลงเดินไปที่ป้ายรถบัสมอเตอร์เวย์ Shimoyoshida อีกประมาณ 20 นาที
รถบัสที่จะกลับไปยังชินจูกุนั้นจะออกในเวลา 15.09 นาที และจะถึงสถานีรถบัส Basuta ในเวลา 16.40 นาที
สำหรับรถบัสทางด่วนนั้นค่าโดยสารจะอยู่ที่ราวๆ 1700 เยน
การเดินทางไปยังที่ขึ้นรถบัส
จากสวน ARAKURAYAMA-SENGENJIN PARK ไปทางฝั่งที่จะไปยังสถานีรถไฟ จะมีรถบัสความเร็วปานกลางให้บริการอยู่ค่ะ
รถจะวิ่งเรียบมุ่งหน้าไปฝั่งซ้ายมือ ตัวป้ายรถบัสเองจะตั้งอยู่ในระแวกที่อยู่อาศัยเลยค่ะ
รูทที่ 2 สำหรับการเที่ยวฝั่งตะวันออก (ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก) ของญี่ปุ่น
หากมาจากทางอะซะคุซะ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังทะเลสาบ Chuzenji ที่อยู่ในเขนอุทยานนิกโก้ได้ แบบเช้าไปเย็นกลับ เพื่อสัมผัสโลกของเกร็ดน้ำแข็งและโลกหิมะได้ค่ะ .
หิมะที่ตกบริเวณทางเหนือของภูมิภาคคันโต นั้นจะเริ่มตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป

สถานีรถไฟฟอะสะคุสะ
ซึ่งช่วงนี้ก็ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่ควรสัมผัสอีกฤดูกาลสำหรับผู้ที่ไม่กลัวอากาศหนาวนะคะ นักท่องเที่ยวสามาถรซื้อตั๋วรถไฟของ Tobu-Tetsudo มาที่นิกโก้ หรือทะเลสาบ Chuzenji
และขึ้นลงสถานีต่างๆได้อย่างอิสระค่ะ สำหรับราคา ค่าตั๋ว NIKKO PASS นั้นจะอยู่ 4150 เยนค่ะ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งวันเลยค่ะ (1วัน-เช้าไปเย็นกลับ)
สำหรับรายละเอียดของตั๋ว

ทะเลสาบ Chuzenji
จุดเริ่มต้นของรถไฟสายนี้ จะเริ่มที่สถานีรถไฟ Asakusa ค่ะ จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟเที่ยวที่ออก 9 โมง ขบวน Tobu limited express Revaty
หมายเลข 11 ซึ่งจะถึงสถานีรถไฟ Tobu Nikko ในเวลา 10.54 น.ค่ะ ราคาจะอยู่ที่ 1358 เยน ซึ่งเป็นรถไฟที่ระบุหมายเลขที่นั่งค่ะ

สถานีนิกโกโทบู (Nikko Tobu station)

น้ำตกเคงอนหน้าหนาว (Kegon no Taki)

รถไฟสายโทบุ
จากน้ำตก Kegon เดินต่อไปยังทะเลสาบจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ ซึ่งบริเวณริมทะเลสาบมีร้านอาหารอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถแวะรับประทานอาหารกลางวันได้ที่นั่นค่ะ
บริเวณป้ายหน้าโรงแรม Lake side Hotel จะมีรถรับส่งนักท่องเที่ยว ที่ออกประมาณ 14.00 อยู่นะ หลังจากเที่ยวทะเลสาบเสร็จเรียบร้อยแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถที่ป้ายนี้ ไปต่อยัง Nikkō Tosho-gu ได้ค่ะ
ซึ่งจุดนี้นักท่องเที่ยวจะมองเห็นทิวทัศน์หิมะทั่วบริเวณที่ปกคลุมผืนน้ำของทะเลสาบด้วยค่ะ
Nikkou toshogu gate
สำหรับบริเวรสถานที่ท่องเทื่ยวอย่าง Nikkō Tosho-gu นั้นจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวในฤดูหนาว นักท่องเที่ยวที่ไปช่วงเวลานี้สามารถทัศนศึกษาสถานที่และถ่ายรูปได้อย่างสบายใจค่ะ หลังจากที่เที่ยวชมสถานที่เรียบร้อยแล้ว
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรับส่งที่ให้บริการในพื้นที่ Nikkō Tosho-gu มาที่สถานีรถไฟ Nikko Tobu ได้ค่ะ จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟที่ไปอะซะคุซะกลับได้

Asakusa
.
Tokyo sky tree
โตเกียวช่วงเดือนธันวาคมนั้น พระอาทิตย์จะตกประมาณ หกโมงเย็นค่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปที่ โตเกียวสกายทรีเพื่อชมความสวยงามของโตเกียวยามค่ำคืนได้ค่ะ เพราะอยู่ไม่ไกลมากจากสถานีอะซะคุซะเท่าไหร่นัก และที่บริเวณรอบสถานีอะซะคุซะมีร้านอาหารอร่อยๆค่อนข้างเยอะ
หากว่างๆลองรับประทานดูนะคะ

HOPPY Street
นอกจากนี้ยังมี HOPPY Street ที่เชื่อมระหว่างวัด Sensō-ji และสวนสาธารณะใกล้ๆอีกด้วยนะคะ ที่นี่เองมีร้านกินดื่มอยู่เต็มไปหมด ถ้าใครมาทางนี้ก็ลองแวะดูนะคะ
หน้าเวบไซต์ภาษาไทยของ Nikko-Chuzenji lake
ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น (ฝั่งตะวันตก) เป็นอย่างไรในฤดูหนาว?
หากเราเดินทางด้วย Hokuriku-Shinkansen
นักท่องเที่ยวจะได้พบกับความสวยงามของวิวทิวทัศน์ ภาพบรรยากาศของหิมะที่สวยงาม
โดยเฉพาะระหว่างที่นั่งชินคันเซน ภาพบรรยากาศฤดูหนาที่อยู่นอกหน้าต่างนั้นสวยงามมากๆค่ะ
ตั้งแต่เดือนธันวาคา จนถึงเดือนมกราคม จะเป็นช่วงที่ดีมากๆค่ะในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าหนาว สำหรับท่านไหนที่มี JR Pass สามาระใช้ได้ตลอดการเดินทางค่ะ แต่อีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวควรทราบนะคะ
คือ ช่วงหน้าหนาวจะหิมะหนักมากๆ ซึ่งอาจจะเกิดการทับถมของหิมะบนรางรถไฟ และอาจจะทำให้ล่าช้าได้ค่ะ

Hokuriku Shinkansen map
Hokuriku Shinkansen shatai
ออกจากสถานีรถไฟโตเกียว โดย Hokuriku Shinkansen รุ่น KAGAYAKI หมายเลข 507 เที่ยวเวลา 9.20 นาที ซึ่งจะเดินทางถึงสถานี Kanazawa ในเวลา 11.54 นาทีค่ะ
โดย Shinkansen สายนี้จะแล่นผ่านื้นที่ที่มีหิมะมากหลายพื้นที่ เช่นพื้นที่ ECHIGO-YUZWA ในจังหวัด Niigata ผ่านเทือกเขาในภูมิภาค Chubu และผ่านจังหวัด นากาโน่เข้าสู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น
เมื่อถึงสถานีรถไฟ Kanazawa นักท่องเที่ยวสามารถสังเกตเห็นบริเวณรอบๆเทือกเขาแอลป์ทางเหนือ ที่เป็นแนวเขาของภูเขาไฟฟูจิได้ค่ะ ระยะทาง 3 ชั่วโมงที่รถไฟวิ่งผ่านนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมบรรยากาศโดยรอบสองเส้นทางได้ค่ะ
สถานี Kanazawa สถานีปลายทางของ Hokuriku Shinkansen
เมื่อถึงสถานีรถไฟ Kanazawa แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาที่เหลือให้เกิดประโยชน์ได้เช่น การเลือกซื้อข้าวกล่องสถานี และนั่งรับประทานที่บริเวณหน้าสถานีเลยก็ได้ค่ะ
ส่วนที่สถานีโตเกียวก็มีค่ะและก็มีข้าวกล่องทุกชนิดจากสถานีรถไฟแทบจะทุกเมืองเลยก็ว่าได้ค่่ะ ซึ่งร้านดังกล่าวจะมีชื่อร้านว่า "MATSURI" อยู่บริเวณโถงทางเดินกลางสถานีเลยค่ะ
หากใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เวบไซต์ MadooJapan ได้ค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติม
ป้ายรถบัสที่สถานี Kanazawa
เมื่อถึงสถานี Kanazawa ให้นักท่องเที่ยวเดินมุ่งไปยังประตูฝั่งทิศตะวันออกค่ะ (EAST GATE ) เมื่อเดินออกไปนอกประตูและทางฝั่งซ้ายของประตูจะมีอาคารจอดรถบัสประจำทางอยู่ค่ะ
ให้นักท่องเที่ยวมุ่งหน้าไปยังป้ายจอดรถหมายเลข 6 ซึ่งจะมี KENROKUEN Shuttle Bus จอดอยู่ ซึ่งสามารถขึ้นได้เลย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไปที่ KENROKUENSHITA-ISHIKAWAMON โดยลงที่ป้าย KENROKUEN ได้เลยค่ะ

สวน Kenrokuen

สวน Kenrokuen
มื่อเดินมาจากทางสวน KENROKUEN นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถที่หน้าพิพิธภัณฑ์ มาลงที่ป้าย KORIN-BO ได้ค่ะ ซึ่งที่นี่สามารถเดินเที่ยวบ้านนักรบโบราณได้ค่ะ
Omicho Market
จากบ้านนักรบไม่ไกลมากนัก ที่ใกล้ๆกันจะมีตลาด OMIMACHI MARKET ที่เดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงค่ะ พอถึงหน้าหน้าหน้าว พ่อค้าแม่ค้าจะนำปูมาจัดจำหน่ายเต็มไปหมดเลยค่ะ
และภายในตลาดเองก็มีร้านอาหาร หรือร้านซาชิมะ ที่ทำจากอาหารทะเลสดๆด้วยค่ะ
ห้างภายในสถานีรถไฟ kanazawa ที่นักเดินทางสามสามารถเดินซื้อเอคิเบง หรือ ข้าวกล่องสถานีมารับประทานได้
ทางฝั่งช่องสอดบัตร Kanazawa Shinkansen จะมีห้างขนาดใหญ่อยู่ค่ะ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินซื้อของฝากหรือขนมไว้รับประทานระหว่างทางได้ค่ะ
หรือจะจะเป็นอาหารหนักๆประเภทข้าวก็มีนะคะ
จากนั้นนั่ง Hokuriku Shinkansen รุ่น Kagayaki 516 เที่ยวเวลา19.18 น. จะมาถึงโตเกียวในเวลา 21.56 น ค่ะ

Hokuriku Shinkansen รุ่น Kagayaki 516
ข้อมูลเกียวกับ Kanazawa ภาษาไทย
****************************************
ฤดูหนาวทางตอนกลางของเทือกเขา
ไปดูสโนว์มังกี้ (ลิงหิมะ) ด้วยทริปเช้าไปเย็นกลับ จากโตเกียว
หลายคนคงจะคุ้นเคยภาพลิงที่ลงไปแช่ในออกเซนจากสื่อต่างๆอยู่แล้ว ซึ่งหากใครจะดูด้วยตาของตัวเองก็ไม่ยากเลยค่ะ สามารถเดินทางเช้าไปเย็นกลับจากโตเกียวได้ค่ะ หากนักท่องเที่ยวนั่ง shinkansen แบบเช้าไปเย็นกลับ
หากออกจากโตเกียวด้วยเที่ยวรถ Hokuri-Shinkansen เที่ยวประมาณ 9.32 น ขบวนรถรุ่น Hakutaka 557 จะถึง Nagano ในเเวลา 11.05 นาที จากนั้นก็นั่งรถไฟท้องถิ่นของจังหวัด Nagano เที่ยวเวลา 11.33 นาทีมาที่สถานีรถไฟ Yudanaka ในเวลา 12.16 นาทีได้ค่ะ

Hakutaka 557
จากนั้นก็มานั่งรถบัสที่อยู่หน้าสถานีรถไฟ Yudanaka จะมีป้ายรถบัสที่ไป Kanbayashi Onsen ให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้เลยค่ะ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีค่ะ จากนั้นให้ลงที่ Snow monkey park ค่ะ

Snow monkey park

แผนที่ภายในพื้นที่ Snow monkey park
จากจุดนี้นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปทางเดินบนเขาที่มีหิมะตกค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีค่ะ ซึ่งในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านเส้นทางเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยค่ะ
ที่น่ากังวลคือ การสวมใสเสื้อผ้า ที่ให้ความอบอุ่นไม่พอมากกว่าค่ะ ซึ่งหากใครจะมาช่วงเวลานี้ต้องเตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นเพียงพอนะคะ
SNOW MONKY PARK
สำหรับภาพลิงป่าที่แช่ออนเซ็นนั้นเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างมาก และทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาดูเป็นจำนวนมาก แต่หากใครมาที่นี่อย่าถ่ายรูปเพลินนะคะ
เพราะว่ารถบัสเที่ยวสุดท้ายจะหมดเวลา 16.51 น ให้ออกมาจาก Snow Monkey park ตั้งแต่เวลา 16.00 จะดีกว่าค่ะ โดยข้างหน้าจะมีป้ายรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังสถานทีรถไฟนากาโน่ค่ะ ซึ่งจะเดินทางมาถึงสถานีรถไฟนากาโน่ราวๆ 17.46 นาที
จากนั้น นักท่องเที่ยวยังพอมีเวลาเหลือ 1 ชั่วโมง สามารถเดินชอปปิ้งหรือซื้อของฝาก หรือ รับประทานอาหารก็ได้ค่ะ
ชินคันเซ็นที่มุ่งหน้าสู่โตเกียวจากนากาโน่นั้น คือรถรุ่น Shinkansen Kagayaki 514 ซึ่งจะเดินรถในเวลา 19.03 น และถึงสถารถไฟโตเกียวในเวลา 20.23 น ค่ะ
ท่องเที่ยวฤดูหนาวที่ Tohoku
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวในโทโฮะคุนั้น ต้องเป็นอุทยานแห่งชาติ ซะโอ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงะตะค่ะ
ที่นี่มีต้นไม้เกร็ดน้ำแข็งด้วยค่ะ ต้นไม้เกร็ดน้ำแข็งของที่นี่คือ ด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัด ทำให้อุณหภูมิต่ำจนถึงจุดเยือกแข็งแและให้อากาศเกิดการควบแน่น
จนกลายเป็นน้ำแข็ง และที่ซะโอ เกิดปรากฎการน้ำแข็งเกาะบนต้นไม้ ซึ่งทำให้ต้นไม้ดูแปลกตาไปมากๆค่ะ
เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศของหน้าหนาวที่นี่ได้อย่างจุใจ นักท่องเที่ยวควรที่จะพัก 1 คืนเป็นอย่างต่ำค่ะ

Tohoku Shinkansen 131
รถไฟ Tohoku Shinkansen 131 รุ่น Tsubasa จะออกจากสถานีโตเกียวในเวลา 9.24 น. และจะถึงจังหวัด Yamagata ในเวลา 11.50 น และเมื่อถึงสถานีจะมีรถบัสจอดอยู่หน้าสถานี
และออกรถไปซะโอในเวลา 12.20 นาที และจะใช้เวลาประมาณ 37 นาที ในการเดินทางไปที่ซะโอหรือหากใครไม่ทันเที่ยว 12.20 น ก็นรอต้นชั่วโมงถัดไปค่ะ เพราะรถบัสออกทุกๆ1ชั่วโมง

rope way and snow
เมื่อถึงที่ซะโอแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรมและไปดูต้นไม้เกร็ดน้ำแข็งได้ค่ะ เมื่อถึงตอนกลางคืนกต้นไม้เกร็ดน้ำแข็งนี้ก็จะมีการเปิดไฟแสงสี
ทำให้ดูสวยงามน่าพิศวงไม่น้อยเลยค่ะ
Zao tracter

ตุ๊กตาไม้ Kokeshi
สำหรับซะโอนั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวตั้งแต่ปี 1900 และถือว่าเป็นออนเซ็นที่ค่อนข้างเก่ามากๆของญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นออนเซ็นสาธารณะแล้ว
ยังออนเซ็นที่ใช้สำหรับแช่เท้าโดยเฉพาะหรือออนเซ็นแบบเสียเงินให้บริการด้วยนะคะ
ที่ภูมิภาคแห่งนี้ยังเป็นแหล่งผลิตตุ๊กตาจากไม้แหล่งใหญ่ของญี่ปุ่นอีกด้วยที่เรียกว่าตุ๊กตา Kekeshi นักเที่ยวสามารถวาดรูปหน้าตาของเจ้าตุ๊กตานี้ได้เองอีกด้วยค่ะ
วันที่ 2 เป็นวันที่นักท่องเที่ยวควรใช้เวลาแช่ออนเซ็นให้เต็มที่ค่ะ จากนั้นก็หาร้านอาหารรับประทานก่อนกลับ เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ให้เดินนั่งรถบัสกลับมาที่สถานีรถไฟ Yamagata
และกลับโตเกียวด้วยชินคันเซ็นแบบขามา ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมดราวๆ 3 ชั่วโมง
การเที่ยวหน้าหนาวที่ ฮอกไกโด
หน้าหนาวที่ฮอกไกโด ไปเที่ยวเทศกาลหิมะ Yukimatsuri เช้าไปเย็นกลับจาก Sapporo

Hokkaido Yuki matsuri
สำหรับเทศกาลหิมนะนั้นจะขั้นขึ้นในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งหากท่องเที่ยวจองห้องพักใน Sapporo ก็จะสามารถเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับได้ค่ะ

Huskie in the snow in Hokkaido
ท่องโลกหิมะหับน้องหมาฮัสกี้
จากสถานีรถไฟ Sapporo ประมาณ 1 ชั่วโมง
นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวยัง North Safari Sapporo ได้ค่ะ ซึ่งที่ซาฟารีแห่งนี้ นักท่องเที่ยวนั่งรถลากหิมะ
เล่นกับน้องหมาสายพันธ์ฮัสกี้ได้ด้วยค่ะ
และระหว่างเดินทางไปที่ซาฟารี ยังมีทิวทัศน์สวยๆให้ดูเพลินๆอีกด้วย
คลอง Otaru ในวันที่หิมะตก
คลอง Otaru เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่ง ที่ค่อยๆได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยในทุกๆปี ยิ่งในหน้าหนาว บรรยากาศต่างๆของเมืองราวกับว่าอยู่อีกประเทศหนึ่งกันเลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางไปที่ คลอง Otaru ก็ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงแค่ขึ้่นไปที่สถานีรถไฟ JR Sapporo ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 40 นาทีค่ะ
ซึ่งที่ Otaru มีร้านอาหารและร้านค้ามากมาย นักท่องเที่ยวสามารถใช้เวลาทั้งวันทำกิจกรรมได้ที่นี่ค่ะ
สำหรับ FURANO BIEI ที่มีความสดงดงามอย่างมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงช่วงฤดูร้อนและมีนักท่องเที่ยวไปเยืออย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งอันที่จร