ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมมีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปท่องเที่ยวทางตอนเหนือของจังหวัดอาคิตะก่อนที่เจ้าพายุก้อนใหญ่จะเข้าแบบฉิวเฉียด ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแบบ
พอดิบพอดีจึงทำให้ได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์อันแสนงดงามที่กำลังเบ่งบานความสวยงามนี้ไปทั่วทั้งจังหวัดอาคิตะ
และแม้ว่านี่จะเป็นการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภูเขาแต่ก็มีเส้นทางเดินป่าที่ถูกตระเตรียมไว้แล้ว ดังนั้นเราสามารถสัมผัสกับวิวทิวทัศน์อันแสนงดงามนี้ได้อย่างง่ายดายแม้ว่าจะเดินทางมา
ท่องเที่ยวจากต่างประเทศก็ตาม
วันนี้จึงจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมถ้าหากได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นสามารถไปลองสัมผัสประสบการณ์อันแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติด้วยตนเองได้จากทั้ง 3 จุดสถานที่ดังต่อไปนี้
1.สำรวจโกะโชะกาเกะออนเซ็น (GOSHOUGAKE) และเขตพื้นที่ภูเขาไฟมีพลัง
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟมีพลังตั้งอยู่บนเกาะในประเทศ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับประเทศนิวซีแลนด์ ดังนั้นจึงทำให้เกือบทั่วทั้งประเทศนั้นเต็มไปด้วยแหล่ง
ออนเซ็น
ในสมัยโบราณการออนเซ็นนั้นถูกใช้เพื่อการบำบัดรักษาโรค ซึ่งในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแหล่งออนเซ็นหลายแห่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถ
เพลิดเพลินกับการแช่น้ำรวมทั้งการเข้าพักค้างคืนในเรียวกัง
และเนื่องจากโกะโชะกาเกะออนเซ็นนั้นตั้งอยู่บนเขตพื้นที่ภูเขาไฟมีพลัง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุทางธรรมชาติทำให้ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ยังเป็นสถานที่
สำหรับการบำบัดรักษาโรคแบบส่วนตัวอีกด้วย
ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีภูเขาไฟมีพลังอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ภายในประเทศจึงมีแหล่งออนเซ็นหลายแห่ง
โดยส่วนใหญ่เป็นออนเซ็นแบบสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการแช่น้ำร้อน ซึ่งต่างกับโกะโชะกาเกะออนเซ็นเป็นจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟมีพลังที่ตั้งอยู่ใกล้กัน
นอกจากนี้ยังสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันแปลกใหม่ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ที่ประเทศไทย
รวมทั้งเราสามารถเดินเล่นได้อย่างปลอดภัยผ่านเส้นทางทางเดินเล่นที่สะอาด ซึ่งมีไอน้ำและโคลนภูเขาไฟผุดออกมาจากชั้นใต้ดิน
ซึ่งในครั้งนี้เองนั้นเรามีโอกาสได้รับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจากไกด์ท้องถิ่น แม้ว่าจะเดินทางมาแค่เฉพาะกลุ่มตนเองก็สามารถชื่นชมกับวิวทิวทัศน์ที่งดงามพร้อมกับภูเขาไฟมีพลังบนเส้นทางเดินที่ปลอดภัยและสวยงาม
ระหว่างเส้นทางเดินนั้นก็มีจุดแวะพักตั้งอยู่ ซึ่งเราสามารถรับประทานไข่สีดำที่ต้มมาจากน้ำร้อนในบ่อน้ำพุร้อนได้ด้วยค่ะ
บริเวณทางเข้าทางเดินเล่นนั้นจะเป็นแหล่งที่พำนักอาศัยของผู้คนที่มาออนเซ็นเพื่อบำบัดรักษาโรค แบบค้างแรม
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เข้ามาพักค้างแรมก็สามารถเข้ามาเพื่อแช่น้ำร้อนและรับประทานอาหารได้เช่นเดียวกัน
และเนื่องจากออนเซ็นที่นี่นั้นอุดมไปด้วยแหล่งแร่ธาตุจากธรรมชาติ ทั้งจากโคลนภูเขาไฟที่ผสมอยู่ ดังนั้นจะช่วยในเรื่องทำให้ผิวสวยมีสุขภาพดีลองมาสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตัวเองกันนะคะ
นอกเหนือจากนี้ยังมีซาวน่าแบบกล่องไม้ที่อบด้วยไอน้ำจากออนเซ็นที่ผุดออกมาจากชั้นใต้ดินด้วยค่ะ
สำหรับค่าธรรมเนียมในการเข้าไปแช่น้ำร้อนจะอยู่ที่ 600 เยน ตรงบริเวณประชาสัมพันธ์จะมีผ้าขนหนูจัดจำหน่ายอยู่ค่ะ ฉะนั้นเราสามารถเข้ามาเดินเล่นเพื่อศึกษาในช่วงระยะเวลาสั้นๆแล้วเดินทางกลับก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
2. ภูเขาโมริโยชิ (Mt. MORIYOSHI)
ภูเขาโมริโยชินั้นมีความสูงประมาณ 1,454 เมตร บนภูเขาในช่วงหน้าร้อนก็จะมีพืชที่เติบโตบนภูเขาสูง, ฤดูใบไม้ร่วงก็จะมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามและ
ในช่วงฤดูหนาวก็จะมีปีศาจหิมะ (Snow Monster) ให้เราได้ชื่นชมกันค่ะ และยังสามารถเพลิดเพลินกับจุดชมวิวแบบ 360 บนยอดเขาสูงสุดได้อีกด้วยนะคะ
ในช่วงที่มีการให้บริการสกีนั้นเราสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าความยาว 3.5 กิโลเมตรโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆในการปีนเขาเลยค่ะ
ไม่ว่าใครก็สามารถขึ้นไปซึมซับบรรยากาศการชมวิวแบบใกล้กับยอดเขาได้อย่างสบายๆ
การขึ้นกระเช้าเที่ยวเดียวใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้นค่ะ หากขึ้นแบบไป-กลับราคาจะอยู่ที่ 1,800 เยน (อัปเดทข้อมูลล่าสุดเดือน 10 ปี 2019)
ภาพวิวทิวทัศน์ที่เห็นผ่านทางกระจกหน้าต่างนั้นสวยงามเกินบรรยายมากเลยล่ะค่ะ
สำหรับผู้ที่ไม่สันทัดในการปีนเขานั้นเพียงแค่นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปก็สามารถชื่นชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ได้เหมือนกันค่ะ
3 เทือกเขาชิราคามิ 白神山地(Shirakami Mountain belt)
เป็นเทือกเขาที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับ 2 จังหวัดระหว่างจังหวัดอาคิตะและจังหวัดอาโอโมริ
เทือกเขาสูงกว่า 1,000 เมตรเป็นพื้นที่ป่าตามธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลายครอบคลุมพื้นที่กว่า 170 ตารางกิโลเมตร
ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงสภาพตามธรรมชาติไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ
ในปี 1993 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากยูเนสโก
ในป่าธรรมชาติแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยสัตว์ป่าหลากหลายชนิดที่อาศัยอยู่และมี
ต้นบีช(BUNA)ที่ช่วยเกื้อหนุนให้แก่เหล่าสัตว์ที่มีชีวิตแห่งนี้
การเดินทางเข้าไปในเทือกเขาชิราคามิสำหรับคนทั่วไปนั้นเป็นเรื่องยากเนื่องจากเป็นป่าตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากว่าได้เข้าไปแล้วเราจะสามารถสัมผัสได้ถึงประสบการณ์
ความมหัศจรรย์อันงดงามของเขตพื้นที่อนุรักษ์ป่าดะเคะได (DAKEDAI)
บนเส้นทางเดินมุ่งหน้าไปสู่ป่าดะเคะได(DAKEDAI) นั้นเราสามารถเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของหุบเขาที่มีน้ำใสไหลผ่านได้อีกด้วย
ความงดงามของธรรมชาติแห่งนี้นั้นได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่รวมถึงการป้องกันอย่างดีจากคนในท้องถิ่น
การเดินทางในครั้งนี้ได้รับการนำเที่ยวจากคุณไซโต้ (SAITO) ซึ่งเป็นไกด์นำเที่ยวแบบธรรมชาติในท้องถิ่น
เหล่าผู้คนที่รักป่าแห่งนี้จากใจนั้นต่างบอกเล่าถึงความสำคัญของธรรมชาติ
และในกลุ่มไกด์นำเที่ยวก็มีไกด์นำเที่ยวแบบภาษาอังกฤษด้วยเช่นเดียวกัน
บนเส้นทางเดินป่าธรรมชาติดะเคะได (DAKEDAI) นั้นมีผู้คนมากมายที่เดินทางเข้ามาเพื่อสัมผัสประสบการณ์ความสวยงามนี้ด้วยตนเอง
อีกทั้งยังได้รับการดูแลรักษาโดยประเทศและจากเหล่าอาสาสมัคร
และอีกสิ่งหนึ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆนั่นก็คือมีโครงการเข็นรถเข็นให้กับผู้พิการเพื่อให้ผู้พิการนั้นสามารถชื่นชมกับความงดงามของธรรมชาติได้เช่นเดียวกัน
เราจะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเริ่มตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้พิการ ทุกคนๆนั้นสามารถเข้าถึงการได้มาสัมผัสประสบการณ์เห็นวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติด้วยตนเอง ซึ่งนั่นทำให้เกิดความรู้สึกประทับใจและเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากๆเลยล่ะค่ะ
ข้อมูลการท่องเที่ยว
Google Map for 3 spots
https://bit.ly/34g46tf
ข้อมูลของอาคิตะ
https://www.facebook.com/akitajapanfan/
https://www.tohokukanko.jp/zh_th/akita/
https://www.japanhoppers.com/th/tohoku/tazawako/kanko/1498/
https://www.japanhoppers.com/th/tohoku/shirakamisanchi/
ข้อมูลภูมิภาคโทโฮกุ
https://www.jnto.or.th/attractions/highlight-of-japan-all-area/tohoku/
Youtube Japan Tohoku Akita คุยข่าวสิบโมง ช่อง 5
https://youtu.be/JA4iRpaEapA